ฝรั่งโดนพัดลมในสระว่ายน้ำดูด หลังไหม้เกรียมบวมปูดจนหมดสติ ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
เป็นเรื่องราวสะเทือนขวัญสำหรับครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก เมื่อชายชาวต่างชาติและภรรยาชาวไทยและลูกสาวเข้าพักที่คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ และฝ่ายสามีได้ลงมาว่ายน้ำในสระหรูเพื่อพักผ่อนร่างกาย แต่แล้วก็ต้องพบกับความโชคร้ายเมื่อโดนพัดลมในสระว่ายน้ำดูดจนขยับตัวไม่ได้ร่วม 20 นาที กว่าจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยขึ้นมาได้สำเร็จและภรรยารีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ก็ถึงขั้นหมดสติและสร้างบาดแผลไหม้เกรียมบวมปูดอย่างน่ากลัว ซึ่งทั้งนี้ภรรยาชาวไทยจึงได้นำเรื่องราวทั้งหมดมาเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ Pantip.com เพื่อเตือนภัย
ตอนที่ 1
ครอบครัวเราเพิ่งบินมาจากประเทศออสเตรเลียวันที่ 24 พย 2015 ภรรยาเป็นคนไทย สามีเป็นชาวออสซี่อายุ 34 ปี ตำแหน่งผู้บริหารชั้นสูงของบริษัท BMW เมืองเมลล์เบิร์น เรามีลูกสาว 2 คน คนนึงอายุ 5 ขวบ เป็นดาราและนางแบบต้นสังกัดอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เราเข้าพักที่…. และในวันที่ 26 พย 2015 เวลา 18:08 นาทีโดยประมาณ สามีได้พาน้องมีน่าอายุ 5 ปี ลูกสาวคนโต ขึ้นไปว่ายน้ำชั้น 44 ของคอนโดโดยลูกสาววัยเกือบ 3 ขวบของเราน่องมาร์ลี่ไม่ได้ขึ้นไปด้วย เวลาประมาณ 18:52 นาที สามีและลูกสาววิ่งกลับห้องมาด้วยเสียงโวยวายและตกใจ
สามีบอกว่าโดนพัดลมในสระน้ำดูดเป็นเวลาเกือบ 20 นาทีขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่ในสระ ทำให้ขยับตัวไม่ได้และตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังสุดเสียง ขณะนั้นมีคนว่ายน้ำอยู่ด้วยอีก 2 คน เมื่อเค้าเห็นเหตุการ์ณจึงรีบวิ่งลงไปแจ้งพนักงาน แต่ด้วยชั้น 44 สูงมากและเค้าต้องรอลิฟจึงใช้เวลานานมาก ลูกสาวของเราตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างตกใจ “มีน่า”พอจะว่ายน้ำได้ จึงกระโดดลงสระใหญ่ตะโกนให้คนช่วย แต่เห็นว่าไม่มีใครอยู่เลย จึงตัดสินใจคว้าโทรศัพท์กระโดดน้ำลงไปพยายามช่วยดึงตัวพ่อที่เริ่มอ่อนแรงเพราะถูกดูดเป็นเวลาเกือบ 20 นาที นาทีนั้น สามีบอกว่ากำลังจะขาดใจ แต่เมื่อลูกกระโดดลงมาช่วย เค้าก้อรู้ว่าถ้าเค้าเป็นอะไรไป ลูกก็ต้องตกอยู่ในอันตราย จึงใช้กำลังความรักเฮือกสุดท้ายพยายามแกะตัวเองออก จนหลุดออกมาพร้อมกับรอยใหม้เกรียมที่ด้านหลังอย่างรุนแรง โดยหากลูกสาวไม่กระโดดลงไปพยายามช่วยชีวิตพ่อ สามีดิฉันก้อคงขาดใจไปแล้ว
สามีบอกว่าโดนพัดลมในสระน้ำดูดเป็นเวลาเกือบ 20 นาทีขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่ในสระ ทำให้ขยับตัวไม่ได้และตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังสุดเสียง ขณะนั้นมีคนว่ายน้ำอยู่ด้วยอีก 2 คน เมื่อเค้าเห็นเหตุการ์ณจึงรีบวิ่งลงไปแจ้งพนักงาน แต่ด้วยชั้น 44 สูงมากและเค้าต้องรอลิฟจึงใช้เวลานานมาก ลูกสาวของเราตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างตกใจ “มีน่า”พอจะว่ายน้ำได้ จึงกระโดดลงสระใหญ่ตะโกนให้คนช่วย แต่เห็นว่าไม่มีใครอยู่เลย จึงตัดสินใจคว้าโทรศัพท์กระโดดน้ำลงไปพยายามช่วยดึงตัวพ่อที่เริ่มอ่อนแรงเพราะถูกดูดเป็นเวลาเกือบ 20 นาที นาทีนั้น สามีบอกว่ากำลังจะขาดใจ แต่เมื่อลูกกระโดดลงมาช่วย เค้าก้อรู้ว่าถ้าเค้าเป็นอะไรไป ลูกก็ต้องตกอยู่ในอันตราย จึงใช้กำลังความรักเฮือกสุดท้ายพยายามแกะตัวเองออก จนหลุดออกมาพร้อมกับรอยใหม้เกรียมที่ด้านหลังอย่างรุนแรง โดยหากลูกสาวไม่กระโดดลงไปพยายามช่วยชีวิตพ่อ สามีดิฉันก้อคงขาดใจไปแล้ว
ทั้งคู่วิ่งหน้าซีดลงมาที่ห้องพักชั้น 22 สามีบอกว่าหน้ามืดมากใจสั่น ช่วยพาไปโรงพยาบาลที ดิฉันรีบแต่งตัวและประคองสามีลงมาด้านล่างและบอกยามว่าเกิดอะไรขึ้น ให้รีบแจ้งนิติบุคคลที ดิฉันพาสามีนั่งซ้อนมอเตอร์ไซร์รับจ้างไปด้วยกัน เพราะสามีบอกว่ากำลังจะเป็นลม ดิฉันรีบบอกมอเตอร์ไซร์รับจ้างให้ไปส่งที่โรงพยาบาล Bumrungrad hospital และสามีได้สลบกลางทาง ขาสองข้างลากไปกับพื้นถนนอย่างอันตรายและน่าเวทนามาก ดิชั้นร้องให้ตะโกนช่วยด้วยตลอดทาง จนตำรวจจราจรก้อให้ผ่าไฟแดงเพราะเห็นผู้ป่วยหมดสติ เมื่อถึงห้องฉุกเฉิน สามีอยู่ในนั้นเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง หมอเห็นหลังไหม้เกรียมบวมแดงปูดอย่างมากแล้วรีบทำการรักษาพร้อมเอกเรซ์ทุกส่วนอย่างเร่งด่วนเพราะคนไข้ไม่สามารถยืนเองได้และหมดสติตอนมาถึง
ทางดิฉันได้โทรแจ้งกับทางคอนโด แล้วได้รับการโอนสายคุยกับทางผู้ใหญ่ด้านบนที่พักอยู่ที่นั่น เพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้น เค้านัดดิฉันเพื่อตกลงกันในวันต่อมา จนวันนี้เวลา 13:00 ของวันที่ 27 พย 2015 ได้พาสามีกลับมาคุยด้วยหลังจากแอดมิทนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน สรุปแผนก building ของตึก ทางผู้จัดการแจ้งว่าจะติดต่อให้นิติบุคคลติดต่อคุยกับดิชั้นช่วงเย็นวันนั้น เวลาประมาณ 18:15 นาที ดิฉันลงมาติดต่อขอคุยกับนิติด้านล่าง ก้อได้รับการคุยกับพนักงานว่าตอนนี้นิติอยู่ต่างจังหวัด เพราะนิติมีหลายคน ดิชั้นไม่พอใจมากเพราะสามีและลูกของดิฉันเกือบตายทั้งคู่ในสระว่ายน้ำของตึกคอนโด และลูกสาวดิฉันก้อช๊อกที่เห็นคุณพ่อกำลังจะตาย ลูกดิฉันกลัวแม้แต่จะอาบน้ำตอนเช้า คุณยายอาบให้ก็จะไม่ยอม เพราะผวา
สรุปสุดท้ายนิติบุคคนไม่มีแม้แต่โทรมาหาดิชั้นสักนิดว่าเป็นเช่นไรบ้าง ทั้งๆ ที่….. ก็เป็นคอนโดหรูในเครือของ…. แต่ปล่อยให้เหตุการ์ณแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร สามีและลูกสาวของดิฉันเกือบจะต้องจบชีวิตลงในสระน้ำแห่งนี้ สามีดิฉันผิดหวังและโกรธมากที่คิดว่าความปลอดภัยและการบริการของคอนโดสุดหรูแห่งนี้จะมีมาตรฐาน แต่มันกลับสร้างฝันร้ายให้ครอบครัวดิชั้น
เมื่อเรากลับออสเตรเลีย เราได้รวมรวมหลักฐานเหตุการ์ณต่างๆเพื่อสอบถามทนายและเตรียมประกาศเตือนถึงความอันตรายจากสระว่ายน้ำของคอนโดแห่งนี้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการ์ณกับสามีและลูกดิฉัน เค้าก้อไม่ยอมปิดทำการบริเวณนี้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิชั้นรู้สึกสงสารผู้พักอาศัยในอนาคตที่อาจจะต้องเจอเหตุการ์ณแบบเดียวกัน และอาจต้องจบชีวิตลงที่สระแห่งนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปของเรื่องราวตอนต่อไป อ่านจบแล้วอย่าลืมกดแชร์เพื่อประกาศให้คนรู้ เพราะการช่วยแชร์ของพวกคุณสามารถนำไปสู่การช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่อาศัยอยู่ที่นั่น ขอบคุณพี่น้องชาวไทยจากใจคนไทยในต่างแดนอย่างเรา
Credited:Patjaa